แปลภาษา

วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ทำอย่างไรเมื่อโดนตำรวจครวจค้น

สิทธิที่บุคคลควรรู้ ในกรณีที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจหรือผู้แอบอ้าง เข้าขอทำการตรวจค้นหรือจับกุมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือ การจับแพะ หรือ การยัดข้อหา ฯลฯ แล้วแต่กรณี
ดังนั้นในฐานะ ที่เราเป็นบุคคลประกอบสัมมาอาชีพ หากเรารับรู้ซึ่งสิทธิ และรับรู้ข้อปฏิบัติเมื่อถูกค้น ก็จะสามารถมีข้อต่อสู้ได้ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ว่า ประชาชนส่วนมากมิได้รับรู้ถึงสิทธิสำคัญที่ตนมี จึงตกเป็นเหยื่อด้วยความกลัวก็ดี ด้วยความไม่รู้ก็ดี วันนี้ผมจึงนำเกร็ดความรู้มาฝากชาวเซย่า อันเป็นสิทธิของประชาชนในกรณีถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าขอทำการตรวจค้น หรือตรวจค้นหรือ จับกุม โดยมิชอบด้วยกฎหมาย  เราจะทำอย่างไร มาดู
 อำนาจการค้นนั้นมีเพียง เจ้าพนักงานตำรวจเท่านั้นที่มีอำนาจค้นได้  (ยาม เทศกิจ บอดี้การ์ด ไม่มีสิทธิ และ อำนาจ ในการตรวจค้นประชาชนด้วยประการทั้งปวง)
 การค้นแบ่งออกได้สองประเภท คือ
1.  ค้นตัว
 เจ้าพนักงานตำรวจจะค้นตัวได้ต่อเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่า บุคคลนั้นมีสิ่งของในความครอบครองเพื่อจะใช้ในการกระทำความผิด หรือซึ่งได้มาโดยการกระทำความผิดหรือซึ่งมีไว้เป็นความผิด หรือเพื่อยึดสิ่งของต่าง ๆ ที่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานเอาผิดกับผู้ต้องหาได้
ค้นตัวก่อนจับ
 มาตรา 93 ห้ามมิให้ทำการค้นบุคคลใดในที่สาธารณสถาน เว้นแต่ พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจเป็นผู้ค้นในเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่า บุคคลนั้นมีสิ่งของในความครอบครองเพื่อจะใช้ในการกระทำความผิด หรือซึ่งได้มาโดยการกระทำความผิดหรือซึ่งมีไว้เป็นความผิด
ค้นตัวหลังจับ
มาตรา 85 เจ้าพนักงานผู้จับหรือรับตัวผู้ถูกจับไว้ มีอำนาจค้นตัว ผู้ต้องหา และยึดสิ่งของต่าง ๆ ที่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานได้
การค้นนั้นจักต้องทำโดยสุภาพ ถ้าค้นผู้หญิงต้องให้หญิงอื่นเป็นผู้ค้น
2.  ค้นที่รโหฐาน  หรือค้นบ้าน
มาตรา 2 (13) ที่รโหฐาน" หมายความถึงที่ต่าง ๆ ซึ่งมิใช่ที่สาธารณสถาน ดั่งบัญญัติไว้ในกฎหมายลักษณะอาญา
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (3) " สาธารณสถาน หมายความว่า สถานที่ใด ๆ ซึ่งประชาชนมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปได้ "
ที่รโหฐาน ก็คือ สถานที่ส่วนตัว ที่บุคคลทั่วไปหรือประชาชนจะเข้าออกตามอำเภอใจไม่ได้ เช่น บ้านพักอาศัย หลักก็คือ ห้ามมิให้ค้นที่รโหฐาน โดยไม่มีหมายค้นหรือคำสั่งของศาล  เว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้
มาตรา 92 ห้ามมิให้ค้นในที่รโหฐานโดยไม่มีหมายค้นหรือคำสั่งของศาล เว้นแต่พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจเป็นผู้ค้น และในกรณีดังต่อไปนี้
     (1) เมื่อมีเสียงร้องให้ช่วยมาจากข้างในที่รโหฐาน หรือมีเสียงหรือพฤติการณ์อื่นใดอันแสดงได้ว่ามีเหตุร้ายเกิดขึ้นในที่รโหฐานนั้น
     (2) เมื่อปรากฏความผิดซึ่งหน้ากำลังกระทำลงในที่รโหฐาน
     (3) เมื่อบุคคลที่ได้กระทำความผิดซึ่งหน้า ขณะที่ถูกไล่จับหนีเข้าไปหรือมีเหตุอันแน่นแฟ้นควรสงสัยว่าได้เข้าไปซุกซ่อนตัวอยู่ในที่รโหฐานนั้น
     (4) เมื่อมีพยานหลักฐานตามสมควรว่าสิ่งของที่มีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยการกระทำความผิด หรือได้ใช้หรือมีไว้เพื่อจะใช้ในการกระทำความผิด หรืออาจเป็นพยานหลักฐานพิสูจน์การกระทำความผิดได้ซ่อนหรืออยู่ในนั้น ประกอบทั้งต้องมีเหตุอันควรเชื่อว่าเนื่องจากการเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมา ได้สิ่งของนั้นจะถูกโยกย้ายหรือทำลายเสียก่อน
     (5) เมื่อที่รโหฐานนั้นผู้จะต้องถูกจับเป็นเจ้าบ้าน และการจับนั้นมีหมายจับหรือจับตามมาตรา 78
                การใช้อำนาจตาม (4) ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจผู้ค้นส่งมอบสำเนาบันทึกการตรวจค้น และบัญชีทรัพย์ที่ได้จากการตรวจค้น รวมทั้งจัดทำบันทึกแสดงเหตุผลที่ทำให้สามารถเข้าค้นได้เป็นหนังสือให้ไว้ แก่ผู้ครอบครองสถานที่ที่ถูกตรวจค้น แต่ถ้าไม่มีผู้ครอบครองอยู่ ณ ที่นั้น ให้ส่งมอบหนังสือดังกล่าวแก่บุคคลเช่นว่านั้นในทันทีที่กระทำได้ และรีบรายงานเหตุผลและผลการตรวจค้นเป็นหนังสือต่อผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไป
ไม่เปิดห้องให้เข้าค้นได้ไหม
                หากไม่ยอมให้เจ้าพนักงานเข้าไป  เจ้าพนักงานมีอำนาจ ใช้กำลังเพื่อเข้าไปในกรณีจำเป็นจะเปิดหรือทำลายประตูบ้าน ประตูเรือนหน้าต่าง รั้วหรือสิ่งกีดขวางอย่างอื่นก็ได้
                มาตรา 94 ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจที่ทำการค้นในที่ รโหฐานสั่งเจ้าของหรือคนอยู่ในนั้นหรือผู้รักษาสถานที่ซึ่งจะค้น ให้ ยอมให้เข้าไปโดยมิหวงห้าม อีกทั้งให้ความสะดวกตามสมควรทุก ประการในอันที่จะจัดการตามหมาย ทั้งนี้ให้พนักงานผู้นั้นแสดงหมาย หรือถ้าค้นได้โดยไม่ต้องมีหมายก็ให้แสดงนามและตำแหน่ง
                ถ้าบุคคลดั่งกล่าวในวรรคต้นมิยอมให้เข้าไป เจ้าพนักงานมีอำนาจ ใช้กำลังเพื่อเข้าไปในกรณีจำเป็นจะเปิดหรือทำลายประตูบ้าน ประตู เรือนหน้าต่าง รั้วหรือสิ่งกีดขวางอย่างอื่นทำนองเดียวกันก็ได้
ค้นแล้วไม่เจอของผิดกฎหมาย ตามที่ระบุไว้ในเหตุออกหมายค้น
คำพิพากษาฎีกาที่  270/2543
ศาลออกหมายค้นและเจ้าพนักงานทำการค้นเสร็จสิ้นแล้ว   แต่ไม่พบของผิดกฎหมายตามที่ระบุในเหตุแห่งการออกหมายค้นดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจาณาความอาญา  มาตรา 92(4)   การออกหมายค้นรวมทั้งอำนาจในการปฏิบัติการตามหมายค้นได้เสร็จสิ้นยุติไปแล้ว    ถ้าผู้คัดค้านติดใจสงสัยว่า   เจ้าพนักงานตำรวจขอตรวจค้นโดยไม่มีหลักฐาน   และเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้คัดค้านตามกฎหมาย   ผู้คัดค้านก็สามารถเรียกร้องความเป็นธรรมจากศาลได้โดยฟ้องร้องว่ากล่าวเป็นอีกคดีหนึ่ง
ขัดขวางการค้น เก็บของไว้กับตัวได้ไหม
    หากผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆอันเป็นการขัดขวางในระหว่างการค้น หรือทำให้การค้นนั้นล่าช้าจนอาจทำให้การค้นนั้นไร้ผล   เจ้าพนักงานผู้ค้นมีอำนาจควบคุมตัวได้เท่าที่จำเป็น
และถ้าแอบซุกซ่อนสิ่งของที่เจ้าพนักงานต้องการไว้กับตัวหรือร่างกาย   เจ้าพนักงานผู้ค้นมีอำนาจที่จะค้นตัวผู้นั้นได้ด้วย
มาตรา 100 ถ้ามีเหตุอันควรสงสัยว่าบุคคลซึ่งอยู่ในที่ซึ่งค้นหรือ จะถูกค้นจะขัดขวางถึงกับทำให้การค้นไร้ผล เจ้าพนักงานผู้ค้นมี อำนาจเอาตัวผู้นั้นควบคุมไว้ หรือให้อยู่ในความดูแลของเจ้าพนักงาน ในขณะที่ทำการค้นเท่าที่จำเป็นเพื่อมิให้การขัดขวางถึงกับทำให้ การค้นนั้นไร้ผล
                ถ้ามีเหตุอันควรสงสัยว่าบุคคลนั้นได้ เอาสิ่งของที่ต้องการพบซุกซ่อน ในร่างกาย เจ้าพนักงานผู้ค้นมีอำนาจค้นตัวผู้นั้นได้ดั่งบัญญัติไว้ตามมาตรา 85
 มาตรา 85 เจ้าพนักงานผู้จับหรือรับตัวผู้ถูกจับไว้ มีอำนาจค้นตัว ผู้ต้องหา และยึดสิ่งของต่าง ๆ ที่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานได้
ระยะเวลาในการค้น
 มาตรา 96 การค้นในที่รโหฐานต้องกระทำระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นและตก มีข้อยกเว้นดังนี้
       (1) เมื่อลงมือค้นแต่ในเวลากลางวัน ถ้ายังไม่เสร็จจะค้นต่อไปในเวลากลางคืนก็ได้
       (2) ในกรณีฉุกเฉินอย่างยิ่ง หรือซึ่งมีกฎหมายอื่นบัญญัติให้ค้นได้เป็นพิเศษ จะทำการค้นในเวลากลางคืนก็ได้
       (3) การค้นเพื่อจับผู้ดุร้ายหรือผู้ร้ายสำคัญ จะทำในเวลากลางคืนก็ได้ แต่ต้องได้รับอนุญาตพิเศษจากศาลตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในข้อบังคับของประธานศาลฎีกา
วิธีการค้นที่รโหฐาน
            มาตรา 99 ในการค้นนั้น เจ้าพนักงานต้องพยายามมิให้มีการเสียหายและกระจัดกระจายเท่าที่จะทำได้
พยานในการค้น
                การค้นที่รโหฐานนั้นต้องกระทำต่อหน้าเจ้าบ้านหรือผู้ครอบครองในขณะนั้นหรือบุคคลในครอบครัวของผู้นั้น หรือถ้าหาบุคคลเช่นกล่าวนั้นไม่ได้  ก็ให้ค้นต่อหน้าบุคคลอื่นอย่างน้อยสองคน ซึ่งเจ้าพนักงานได้ขอร้องมาเป็นพยาน
มาตรา 102 การค้นในที่รโหฐานนั้น ก่อนลงมือค้นให้เจ้าพนักงาน ผู้ค้นแสดงความบริสุทธิ์เสียก่อน และเท่าที่สามารถจะทำได้ให้ค้นต่อหน้าผู้ครอบครองสถานที่หรือบุคคลในครอบครัวของผู้นั้น หรือถ้าหาบุคคลเช่นกล่าวนั้นไม่ได้ ก็ให้ค้นต่อหน้าบุคคลอื่นอย่างน้อยสองคน ซึ่งเจ้าพนักงานได้ขอร้องมาเป็นพยาน
การค้นที่อยู่หรือสำนักงานของผู้ต้องหา หรือจำเลยซึ่งถูกควบคุม หรือขังอยู่ให้ทำต่อหน้าผู้นั้น ถ้าผู้นั้นไม่สามารถหรือไม่ติดใจมากำกับ จะตั้งผู้แทนหรือให้พยานมากำกับก็ได้ ถ้าผู้แทนหรือพยานไม่มี ให้ ค้นต่อหน้าบุคคลในครอบครัวหรือต่อหน้าพยานดั่งกล่าวในวรรคก่อน
สิ่งของใดที่ยึดได้ต้องให้ผู้ครอบครองสถานที่ บุคคลในครอบครัว ผู้ต้องหา จำเลย ผู้แทนหรือพยานดูเพื่อให้รับรองว่าถูกต้อง ถ้าบุคคล เช่นกล่าวนั้น รับรองหรือไม่ยอมรับรองก็ให้บันทึกไว้
บันทึกการค้น และสิ่งของที่ค้นได้
มาตรา 103 ให้เจ้าพนักงานผู้ค้นบันทึกรายละเอียดแห่งการค้น และสิ่งของที่ค้นได้นั้นต้องมีบัญชีรายละเอียดไว้
 บันทึกการค้นและบัญชีสิ่งของนั้นให้อ่าน ให้ผู้ครอบครองสถานที่ บุคคลในครอบครัว ผู้ต้องหา จำเลย ผู้แทนหรือพยานฟังแล้วแต่กรณี แล้วให้ผู้นั้นลงลายมือชื่อรับรองไว้
ของที่เอาไปจากการค้นจะได้คืนไหม เมื่อไร
                มาตรา 85 วรรคสาม    สิ่งของใดที่ยึดไว้ เจ้าพนักงานมีอำนาจยึดไว้จนกว่าคดีถึงที่สุด เมื่อเสร็จคดีแล้วก็ให้คืนแก่ผู้ต้องหาหรือแก่ผู้อื่น ซึ่งมีสิทธิเรียกร้อง ขอคืนสิ่งของนั้น เว้นแต่ศาลจะสั่งเป็นอย่างอื่น
ทรัพย์สินหรือสิ่งของต่อไปนี้  ศาลต้องสั่งริบเสียทั้งสิ้น
        1.     ทรัพย์สินที่ทำ  หรือมีไว้เป็นความผิด ไม่ว่าจะเป็นของผู้ใด
        2.     ทรัพย์สินทีได้ใช้  หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด    
        3.     ทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด 
        4.     ทรัพย์สินที่ได้ให้เจ้าพนักงานซึ่งเป็นความผิดต่อเจ้าพนักงาน   หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ 
        5.     ทรัพย์สินที่ได้ให้เพื่อจูง ใจบุคคลให้กระทำความผิด  หรือเพื่อเป็นรางวัล ในการที่บุคคลได้กระทำความผิด  
  เว้นแต่  ทรัพย์สินเหล่านี้เป็นทรัพย์สินของผู้อื่นซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจ ด้วยในการกระทำความผิด เฉพาะทรัพย์สินตาม (1) - (5)เท่านั้น    โดยต้องขอคืนภายใน 1 ปีนับแต่มีคำพิพากษาถึงที่สุด
ทางแก้กรณีที่ถูกคุมขังไม่ชอบด้วยกฎหมาย
มาตรา 90 เมื่อมีการอ้างว่าบุคคลใดต้อง ถูกคุมขังในคดีอาญาหรือในกรณีอื่นใดโดยมิชอบด้วยกฎหมาย บุคคลเหล่านี้มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลท้องที่ที่มีอำนาจพิจารณาคดีอาญาขอให้ปล่อย คือ
          (1) ผู้ถูกคุมขังเอง
          (2) พนักงานอัยการ
          (3) พนักงานสอบสวน
          (4) ผู้บัญชาการเรือนจำหรือพัศดี
          (5) สามี ภริยา หรือญาติของผู้นั้น หรือบุคคลอื่นใดเพื่อประโยชน์ของผู้ถูกคุมขัง
                เมื่อได้รับคำร้องดั่งนั้น ให้ศาลดำเนินการไต่สวนฝ่ายเดียวโดยด่วน ถ้าศาลเห็นว่าคำร้องนั้นมีมูลศาลมี อำนาจสั่งผู้คุมขังให้นำตัวผู้ถูกคุมขังมาศาลโดยพลัน และถ้าผู้คุมขังแสดง ให้เป็นที่พอใจแก่ศาลไม่ได้ว่าการคุมขังเป็นการชอบด้วยกฎหมาย ให้ศาลสั่งปล่อยตัวผู้ถูกคุมขังไปทันที
คำพิพากษาฎีกาที่ 3598/2531 (ประชุมใหญ่)
                การที่พนักงานสอบสวนรับตัวผู้ต้องหาถูกควบคุมไว้   โดยมิได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอหมายขัง   อันเป็นการไม่ปฏิบัติตาม  ป.วิ.อ.  มาตรา 87  ย่อมมีผลทำให้การควบคุมนั้นผิดกฎหมาย   ซึ่งบุคคลตาม ป.วิ.อ.  มาตรา 90  มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ปล่อยได้         
ที่มา ข้อมูลทางกฎหมายจาก เวปไซต์ ศาลยุติธรรม www.coj.go.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น